ตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) มีความท้าทายและมีการเดิมพันสูง โดยเฉพาะตลาดสกุลเงินทั่วโลกที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การทำความเข้าใจกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุด สามารถช่วยให้คุณไม่เพียงแต่อยู่รอดในตลาดนี้ แต่ยังประสบความสำเร็จในเวทีที่มีการแข่งขันสูงอย่างตลาดฟอร์เร็กซ์อีกด้วย
กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ คืออะไร?
กลยุทธ์การซื้อขายฟอร์เร็กซ์ เป็นแนวทางที่จะช่วยในการตัดสินใจซื้อขายให้กับเทรดเดอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สภาวะตลาด การระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ และการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยการพิจารณาทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคต่างๆ ซึ่งยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ มีอยู่มากมายในปัจจุบัน
จะเลือกกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดได้อย่างไร?
- มีเทรดเดอร์เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ที่ค้นพบกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมในทันที ส่วนใหญ่แล้ว เทรดเดอร์จะใช้เวลานานพอสมควร ในการทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ด้วยบัญชีซื้อขายแบบทดลอง และการทดสอบย้อนหลัง
- ซึ่งจะทำให้คุณสามารถดำเนินการทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปราศจากความเสี่ยง
- แม้ว่าเทรดเดอร์จะค้นพบกลยุทธ์ที่ให้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการและถูกต้อแล้ว แต่ก็ไม่ใช้เรื่องจำเป็นอะไร ที่ต้องไปยึดติดกับกลยุทธ์ที่ไม่แน่นอนนั้นเป็นระยะเวลานาน
- เพราะตลาดการเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์ที่ดี ก็ต้องพัฒนาตามตลาดไปด้วย
8 กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่เทรดเดอร์ใช้บ่อยที่สุด
Swing Trading (สวิงเทรดดิ้ง)
(รูปที่ 1 : Swing Trading เป็นการซื้อขายด้วยการคาดการณ์ราคาที่จะเกิดขึ้นตามแนวโน้ม ซึ่งกลยุทธ์นี้ จะต้องถือว่านานพอสมควร อาจเป็นวันหรือหลายวันก็ได้)
- แนวคิดของการเทรดแบบ Swing Trading คือการระบุ “การแกว่ง” ที่ใกล้จะเกิดขึ้นภายในแนวโน้ม จากนั้นจึงเข้าสู่การซื้อขายก่อนที่การแกว่งจะเกิดขึ้น เพื่อหาผลกำไรที่ตามมา
- กลยุทธ์นี้มักใช้เป็นกลยุทธ์ระยะปานกลางซึ่งอาจกินเวลาตั้งแต่สองวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่แนวโน้มดำเนินต่อไป
- เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์อันนี้นี้ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องกล้าที่จะถือการซื้อขายเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน
- เพราะการปิดการซื้อขายเร็วเกินไปจะทำให้ผู้ซื้อขายพลาดผลกำไรเพิ่มเติมในอนาคต
- Swing Trading อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากต้องรับมือกับความผันผวนในระยะสั้น คุณจะต้องมีเงินทุนที่มากขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของราคาที่อาจเกิดขึ้นตลอดแนวโน้ม
คุณสมบัติที่สำคัญของ Swing Trading
- ต้องมีการซื้อขายน้อย และใช้เวลาน้อยลง
- ตำแหน่งจะต้องเปิดไว้ข้ามคืนหรือหลายวัน
- จะต้องสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนตลอดการซื้อขาย
News Trading (การซื้อขายตามข่าว)
(รูปที่ 2 : News Trading เป็นการซื้อขายตามข่าวที่เกิดขึ้น จากรูปจะเห็นว่า หลังจากที่มีการปล่อยข่าว กราฟก็สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ)
- กลยุทธ์นี้เหมาะกับเทรดเดอร์ฟอร์เร็กซ์ที่เป็นมือใหม่ โดย News Trading เกี่ยวข้องกับการติดตามข่าวและพาดหัวข่าวที่มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้คู่สกุลเงินพุ่งขึ้นหรือลดลง และเข้าสถานะการซื้อขายตามนั้นแนวโน้มนั้น
- เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน การประกาศอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ยอดขายปลีก อัตราการว่างงาน การสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค ฯลฯ สามารถส่งผลต่อคู่สกุลเงินได้ทั้งสิ้น
- ให้จำให้ขึ้นใจเลยว่า ข่าวสำคัญหรือการพัฒนามีแนวโน้มที่จะเพิ่มความผันผวนในตลาดฟอเร็กซ์ คุณไม่ควรจะปล่อยผ่านหรือละเลยการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ในการซื้อขายตามข่าว
คุณสมบัติที่สำคัญของ News Trading
- เป็นกลยุทธ์ที่ง่ายๆ เข้าใจง่ายมาก
- เป็นที่นิยมใช้โดยเทรดเดอร์ทุกระดับ โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่
- โอกาสที่ได้รับแรงจูงใจจากเหตุการณ์หรือข่าวต่างๆ อาจมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ และฉะนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ให้ทันกับสถานการณ์ข่าว
Day Trading (เดย์เทรดดิ้ง)
(รูปที่ 3 : Day Trading เป็นการซื้อและขายภายในวันเดียว ไม่มีการถือข้ามคืน ซึ่งในแต่ละวัน อาจจะซื้อหลายครั้งก็ได้ เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ทั้งวันจากการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้)
- กลยุทธ์ Day Trading เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์จะเปิดและปิดการซื้อขายภายในวันเดียวกัน ไม่มีการถือตำแหน่งข้ามคืน เพราะฉะนั้นผลตอบแทนของตลาด จะเกิดขึ้นภายในวันซื้อขายนั่นเอง
- Day Trading ช่วยให้เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ได้รับประโยชน์จากความผันผวนโดยของตลาด ซึ่งสร้างโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตลอดทั้งวัน
- ในขณะเดียวกัน Day Trading ยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้นในระดับมหภาค หรือช่องว่างของราคาที่เปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน กรณีหลังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อตลาดปิด ส่งผลให้เทรดเดอร์ไม่มีโอกาสแก้ตัว
- Day Trading เป็นกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ขั้นสูง เทรดเดอร์ที่ต้องการความสำเร็จ ต้องอาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดและเหตุการณ์ระดับโลก และมีวินัยในการยึดติดกับกิจวัตรการซื้อขายที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่น
คุณสมบัติที่สำคัญของ Day Trading
- การซื้อขายเกิดขึ้นตลอดทั้งวันซื้อขาย โดยไม่มีการเปิดสถานะข้ามคืน
- เทรดเดอร์จะได้ประโยชน์จากความผันผวนรายวัน ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในระยะยาว
- การเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องมีแนวทางที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
Position Trading (โพซิชั่น เทรดดิ้ง)
(รูปที่ 4 Position Trading เป็นกลยุทธ์การเทรดระยะยาว อาจกินระยะเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี เหมาะกับคนที่ต้องการทำกำไรในระยะยาว)
- Position Trading เป็นกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ขั้นสูง หากคุณกำลังมองหาการซื้อขายระยะยาว และไม่สนในต่อการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น เพื่อระบุและทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาวแทน
- กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการถือครองตำแหน่งฟอเร็กซ์ในระยะยาว บางครั้งเป็นการถือครองอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี อาจฟังดูง่ายๆ แต่บางทีอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
- ก่อนที่จะลองใช้กลยุทธ์ Position Trading คุณจะต้องมีเงินทุนเพียงพอเพื่อรับมือกับความผันผวนในระยะสั้นและหลีกเลี่ยงการเรียกหลักประกัน
- นอกจากนี้ Position Trading ยังมีค่าธรรมเนียมการระดมทุนข้ามคืนในตลาดสปอต ที่จะส่งผลต่อยอดคงเหลือในบัญชีซื้อขายของคุณอีกด้วย
- นี่เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการขาดทุนของคุณอาจสะสมเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม หากการเทรดเป็นไปในทิศทางที่ดีของคุณ คุณก็สามารถรับผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน
คุณสมบัติที่สำคัญของ Position Trading
- เหมาะสำหรับกลยุทธ์ระยะยาว โดยพื้นฐานแล้วเป็นแนวทางการซื้อและถือครอง
- เทรดเดอร์ต้องมีวินัยและความมุ่งมั่นในระดับสูง ที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
- ต้องมีทุนสำรองรองเพื่อเตรียมรับแรงกระแทกตลอดทาง
- หากการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ การขาดทุนของคุณอาจรวมกันเป็นเงินจำนวนมาก
Range Trading (เรนจ์ เทรดดิ้ง)
(รูปที่ 5 : Range Trading เป็นการเข้าซื้อและขายหลายๆ ครั้ง ตามแนวรับและแนวต้านที่ได้กำหนดเอาไว้ ส่วนใหญ่จะซื้อตามแนวโน้มที่ไม่แน่นอนคือไม่ขึ้นไม่ลง หรือที่เรียกว่า Side Way)
- ในกลยุทธ์ Range Trading แนวคิดคือทำการเข้าซื้อขายหลายๆ ครั้ง ในขณะที่คู่สกุลเงินเคลื่อนไหวในรูปแบบด้านข้าง โดยจะอยู่ในระหว่างระดับแนวรับและแนวต้าน
- คุณอาจจำได้ว่าเมื่อตลาดเคลื่อนตัวไปด้านข้าง กล่าวกันว่าอยู่ในระยะการรวมตัว สิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่า “ตลาดที่มีขอบเขตจำกัด”
- Range Trading มีความซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้ทั้งตำแหน่งระยะยาวและระยะสั้น เทรดเดอร์จะเข้าซื้อเมื่อราคาเคลื่อนตัวลงสู่ระดับแนวรับ และจะขายเมื่อราคาเคลื่อนตัวขึ้นสู่ระดับแนวต้าน
คุณสมบัติที่สำคัญของ Range Trading
- กลยุทธ์นี้มีประโยชน์เมื่อตลาดไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
- ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งยาวและสั้น และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง
- อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เนื่องจากมีการซื้อขายเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
Price Breakout (การฝ่าวงล้อมราคา)
(รูปที่ 6 : Price Breakout เป็นการซื้อตามราคาที่ทะลุแนวรับแนวต้าน จากตัวอย่างตามภาพ จะเห็นว่ากราฟทะลุเส้นแนวรับลงมา เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์การซื้อขายต่อไปได้)
- กลยุทธ์ Price Breakout เป็นกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ยอดนิยมและเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการระบุราคาที่ทะลุกรอบ ที่สามารถส่งสัญญาณการเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ ทำให้เทรดเดอร์ทราบถึงจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้
- สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าบางครั้งคู่ Forex ใช้เวลาช่วงระหว่างระดับ แนวรับ (“พื้น”) และ แนวต้าน (“เพดาน”) สิ่งนี้เรียกว่าการรวมบัญชี
- การฝ่าวงล้อมเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวเกินช่วงการรวมฐาน ซึ่งสามารถเป็นไปได้ในทั้งสองทิศทาง คือ: เกินระดับแนวรับ (“ทะลุแนวรับ”) หรือ เกินระดับแนวต้าน (“ทะลุแนวต้าน”)
- เหตุผลที่เทรดเดอร์ควรควรใส่ใจกับการฝ่าวงล้อม ก็เพราะว่าฝ่าวงล้อมสามารถส่งสัญญาณการเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ ซึ่งคุณสามารถซื้อขายได้ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้
- การใช้จุดหยุดขาดทุนอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของกลยุทธ์นี้
คุณสมบัติที่สำคัญของ Price Breakout
- รูปแบบกราฟที่มองเห็นได้ง่าย การทะลุเกิดขึ้นในตอนท้ายของการรวมบัญชี
- เหมาะกับกลยุทธ์ทั้งระยะยาวและระยะสั้น
- การฝ่าวงล้อมอาจไม่สร้างแนวโน้มเสมอไป ดังนั้นเทรดเดอร์ควรระมัดระวัง ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าความเร่งรีบ แล้วเกิดความเสียหาย
Trend Trading (การซื้อขายตามเทรนด์)
(รูปที่ 7 : Trend Trading เป็นการซื้อขายตามแนวโน้มของตลาด)
- การซื้อขายตามแนวโน้มของเทรนด์ เป็นกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ครอบคลุม ซึ่งพยายามระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่และซื้อขายตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นได้
- Trend Trading เป็นกลยุทธ์แบบไดนามิกและลื่นไหล ซึ่งกำหนดให้เทรดเดอร์สามารถแยกแยะแนวโน้มได้อย่างแม่นยำ และสามารถนำไปปรับใช้กับการซื้อขายที่เหมาะสม เมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปสถานการณ์และตามกาลเวลา
- การซื้อขายตามแนวโน้มมีความทับซ้อนกับกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ที่แตกต่างกันหลายประการ เช่น การซื้อขายแบบโมเมนตัม กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และกลยุทธ์การฝ่าวงล้อมราคา อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์เหล่านี้มีแนวคิดคล้ายกัน และสามารถประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
คุณสมบัติที่สำคัญของ Trend Trading
- มุ่งเน้นไปที่การระบุและซื้อขายกับแนวโน้ม
- Trend Trading คือการรวมองค์ประกอบของการซื้อขายโมเมนตัม กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และกลยุทธ์การฝ่าวงล้อมราคา
- ความสามารถในการอ่านแนวโน้มให้เข้าใจ เป็นสิ่งสำคัญของกลยุทธ์การเทรดแบบ Trend Trading
Grid Trading (กริด เทรดดิ้ง)
(รูปที่ 8 : Grid Trading เป็นการซื้อขายทีละหลายคำสั่งตามแนวโน้มที่เคลื่อนตัวไปมา ระหว่างเส้นแนวรับและแนวต้าน)
- กลยุทธ์ Grid Trading นักเทรดฟอเร็กซ์จะวางคำสั่งซื้อและขาย ทีละหลายคำสั่งในช่วงเวลาหรือระดับราคาคงที่ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของตลาดภายในช่วงที่กำหนด
- กลยุทธ์นี้ทำงานโดยการใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่า ในช่วงระยะผันผวน ราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวไปมาระหว่างแนวรับและแนวต้านที่กำหนดไว้
- เมื่อคำสั่งซื้อหรือขายที่เหมาะสมได้รับการตั้งค่าตามช่วงราคาคงที่ (หรือที่เรียกว่าการตั้งค่าตาราง) การซื้อขายจริงจะเป็นไปโดยอัตโนมัติผ่านการใช้ซอฟต์แวร์การซื้อขาย สิ่งนี้จะช่วยลดความเครียดและแบ่งเบาภาระของเทรดเดอร์ ที่ต้องทำการเทรดหลายครั้งด้วยตนเอง
- อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าควรปล่อยให้กลยุทธ์กริดทำงานด้วยตัวเองเป็นระยะเวลานาน เทรดเดอร์จะต้องติดตามการซื้อขายอย่างต่อเนื่องและเตรียมพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลง ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
คุณสมบัติที่สำคัญของ Grid Trading
- Grid Trading สามารถสร้างผลกำไรที่เป็นไปได้ในทุกทิศทางโดยใช้คำสั่งหยุดซื้อและขาย
- เมื่อตั้งค่าแล้ว เทรดเดอร์จะต้องมีส่วนร่วมน้อยลง ทำให้เหนื่อยน้อยลง
- การซื้อขายจะดำเนินการโดยอัตโนมัติผ่านบอทการซื้อขายหรือซอฟต์แวร์ที่ตั้งค่าเอาไว้
สรุปท้ายบท
- การซื้อขายฟอเร็กซ์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ต้องใช้กลยุทธ์ที่รอบคอบ การบริหารความเสี่ยงที่ดีและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
- กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตลาด การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ และการใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่มีโครงสร้างที่ดี และสอดคล้องกับความเสี่ยงและรูปแบบการซื้อขายของคุณ
- โปรดจำไว้ว่า การเดินทางสู่การเป็นเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่เป็นการวิ่งมาราธอน ต้องใช้ความอดทน วินัย และความเต็มใจที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
- คุณควรปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณอยู่เสมอ จัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด และมุ่งมั่นต่อแผนการซื้อขายของคุณ ความทุ่มเทและความพากเพียรของคุณจะได้รับผลในที่สุด